เทคโนโลยี

เทคโนโลยีโลกอนาคตที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้ดีขึ้น

เทคโนโลยี คือ ความรู้ เครื่องมือ ความคิด หลักการ วิธีการ ความรู้ วิธีการ กระบวนการและงานทางวิทยาศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ และวิธีการที่ควรใช้ในระบบธุรกิจเพื่อช่วยปรับปรุงงาน เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงาน

10 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้ดีขึ้น

เทคโนโลยี โลกอนาคต การเปลี่ยนแปลง ความเจริญ ความก้าวหน้า นวัตกรรม การพัฒนา ประสิทธิภาพ กำไร เทรนด์เทคโนโลยีแห่งอนาคต เทคโนโลยี โลกอนาคต การเปลี่ยนแปลง ความเจริญ ความก้าวหน้า นวัตกรรม การพัฒนา ประสิทธิภาพ กำไร หากเราพูดถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นและสิ่งที่เป็นอยู่ ต้องบอกว่าอาจจะไม่ไกลจากเราอีกต่อไปแล้ว เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเราด้วย

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใดๆ ก็ได้เพิ่มเข้าไปในพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ด้วย เพราะมนุษย์ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น มนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

1. เครือข่ายมือถือ 5G/6G (เครือข่ายมือถือ 5G/6G)

เครือข่าย 4G ปัจจุบันสามารถบรรลุอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดประมาณ 50 เท่าของ 3G และอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดสำหรับ 5G จะสูงกว่า 4G ถึง 20 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถใช้เมื่อขับด้วยความเร็ว 500 กม./ชม. แต่ละภูมิภาคสามารถส่งข้อมูลได้มากกว่า 100 เท่า 

ดังนั้น 5G จะเป็นแพลตฟอร์ม (แพลตฟอร์ม) ที่เชื่อมต่อเทคโนโลยีอื่นๆ ร่วมกับ AI, Big Data, Cloud และ IoT เป็นต้น ระบบรถไร้คนขับสามารถรองรับบริการรูปแบบใหม่ได้ เช่น การขายโดยใช้ AR/VR สามารถช่วยเชื่อมโยงยานพาหนะเข้ากับระบบควบคุมการจราจร รวมถึงบริการให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ทางไกล หรือสั่งงานทางไกลผ่านอินเตอร์เน็ต

2. การคำนวณควอนตัมและวิศวกรรม

เทคโนโลยีควอนตัมจะมีบทบาทในการสร้างภาพในจินตนาการของเรา ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้หลายพันเท่า พวกเขาสามารถถอดรหัส DNA ที่มีความยาวหลายพันล้านครั้ง จำลองเพื่อค้นหายาตัวใหม่ 

ซึ่งนำไปใช้กับผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำสามารถใช้สำหรับการวินิจฉัยโรคในยาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นเวลาหลายวัน 

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาอุปกรณ์ไฮเทคอื่นๆ เช่น ชิปสำหรับนาฬิกาอะตอม ซึ่งใช้ในการคำนวณเวลาสากลอย่างแม่นยำ จนถึงระดับนาโนวินาที (นาโนวินาที) รองรับการซื้อขายในระบบธนาคารหรือคำสั่งซื้อในตลาดหุ้นที่มีปริมาณการสั่งซื้อสูงสุด 100 ล้านคำสั่งต่อวินาที

3. AI ในอนาคต

ระบบปัญญาประดิษฐ์ของ Future หรือ Future Artificial Intelligence จะเป็นหัวใจหรือสมองของระบบ รวมทั้งเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องหรือการเรียนรู้ของเครื่องด้วยโครงข่ายประสาทเทียมที่เรียกว่า Deep Neural Network ซึ่งออกแบบมาให้คล้ายกับโครงข่ายประสาทในสมองของมนุษย์ ความสามารถ AI ขั้นสูง 

การสร้างเครือข่ายไซเบอร์กายภาพ (Cyber-Physical Network) ที่ส่งข้อมูลระหว่างอินเทอร์เน็ตและโลกกายภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รถยนต์ไร้คนขับ AI จัดการการขับขี่ในไม่กี่วินาทีด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัย แต่อาจทำให้คนขับหลายคนตกงานได้ คาดว่าภายในปี 2030 

AI จะทำให้เกิดการสูญเสียงาน 400-800 ล้านตำแหน่ง และสร้างงานใหม่จำนวนเท่ากัน แต่ในสาขาที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

4. การเดินทางแบบไร้รอยต่อ

Mobility-as-a-Service หรือ แมส (Maas) คือการพัฒนาอย่างแพร่หลายของเทคโนโลยีนี้ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการเรียกรถรายใหญ่สองรายคือ Uber ของสหรัฐอเมริกาและ DiDi ของจีน ข้อมูลปี 2017 แสดงให้เห็นว่า Tee Tee มีมูลค่าประมาณ 56 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Uber มีมูลค่ามากกว่า 62 พันล้านดอลลาร์ 

ที่น่าสนใจคือ Tee Tee เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีนนับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการ Uber ในปี 2559 วันนี้นอกจากจะพาผู้โดยสารไปส่งยังปลายทางแล้ว บริการเดลิเวอรี่อย่าง Grab Food และ Lineman ยังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยอีกด้วย สถาบันวิจัย BIS คาดการณ์ว่าตลาดมวลชนจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ 

ปัจจัยสำคัญคือความสามารถในการสร้างแพลตฟอร์มบริการยานพาหนะและให้บริการตามความต้องการ รวมถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เหมาะสม

5. เซลล์แสงอาทิตย์ Perovskite

เซลล์แสงอาทิตย์ Perovskite มีโครงสร้างผลึกคล้ายกับแคลเซียมไททาเนียมออกไซด์ (CaTiO3) หรือ perovskite มันดูดซับแสงและเปลี่ยนแสงแดดให้เป็นไฟฟ้า ต้องพิมพ์บนแผ่นฟิล์มหรือบนพื้นผิวต่างๆ ต้นทุนการผลิตต่ำ คือ 30-50% ของเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดซิลิคอน ตลาดเซลล์แสงอาทิตย์คาดว่าจะเติบโตเป็น 140 พันล้านดอลลาร์ในอีก 5-6 ปีข้างหน้า 

และด้วยข้อดีของเซลล์ประเภทนี้ที่เบาและไม่เป็นอันตราย สำหรับประเทศไทย นักวิจัย สวทช. ยังได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เคลือบกันน้ำและสะท้อนความร้อน พัฒนากระบวนการเคลือบฟิล์มบางเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียรของเซลล์ในปัจจุบัน

6. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนยุคหน้า

ในปี 2018 มูลค่าตลาดของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อยู่ที่ 36 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด แม้ว่าจะไม่ใช่แบตเตอรี่ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ก็มีแบตเตอรี่ที่น่าสนใจมากมาย

  • ความจุสองเท่าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่เชื่อถือได้มากขึ้น
  • แบตเตอรี่ลิเธียม-กำมะถัน (Lithium-sulfur) คนหันเข้าหากัน เนื่องจากความจุพลังงานสูงกว่าลิเธียมไอออน 2-4 เท่า แต่ราคาถูกกว่า
  • แบตเตอรีลิเธียมแอร์ (Lithium-Air) มีความจุพลังงานมากกว่า 10-100 เท่า

ทั้งนี้ เอ็มเทคได้ทำการวิจัยวัสดุใหม่ที่ สวทช. และการออกแบบการขึ้นรูปเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและลิเธียมอากาศแบบโซลิดสเตตโดยเน้นที่ประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งานและลดต้นทุน

7. โครงกระดูกภายนอก

เทคโนโลยีที่ให้พลังแก่ผู้คน ยังป้องกันการบาดเจ็บบางส่วนของร่างกายโดยใช้โครงกระดูกภายนอกเพื่อปฏิบัติงานต่าง ๆ ใช้งานทางการทหาร กู้ภัย อุปกรณ์ฝึกหัด และเสริมสมรรถภาพของนักกีฬา และในทางยาช่วยเร่งกระบวนการบำบัดร่างกายของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้พิการหรือผู้สูงอายุโดยทั่วไปได้

ตัวอย่างที่มีอยู่แล้วในการใช้งานจริง

  • Esko Bionics EskoVest ที่โรงงานประกอบรถยนต์ Ford ทั่วโลก
  • Noonee เป็นเก้าอี้แบบไม่มีที่นั่ง สามารถติดกับเอว ขา และที่นั่งของผู้ใช้ได้ ใช้ชิ้นส่วนมากกว่า 350 ชิ้น

8. เส้นใยจุลินทรีย์อเนกประสงค์

มีจุลินทรีย์หลายชนิดที่สามารถผลิตเซลลูโลสได้ อย่างไรก็ตาม เซลลูโลสนั้นทำความสะอาดได้ง่ายกว่า แข็งแรงกว่า ปั้นง่ายกว่า และกักเก็บน้ำไว้ได้ดีกว่า ซึ่งต่างจากเซลลูโลสของพืชตรงที่ต่างจากเซลลูโลสของพืช ตัวอย่างของจุลินทรีย์ที่ผลิตเซลลูโลส ได้แก่ อะซีโตแบคเตอร์และอะโกรแบคทีเรีย จุลินทรีย์เหล่านี้สามารถใช้เซลลูโลสได้หลายวิธี ทั้งในฐานะผู้เริ่มต้นอาหาร เช่น

การเติมโปรตีนลงในวุ้นมะพร้าว เต้าหู้ ไอศกรีม หรือธุรกิจการเกษตร ในทางการแพทย์ แมนนิทอลสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ หลังจากทำหลายขั้นตอน จะกลายเป็นไบโอฟิล์มสำหรับทำแผล หรือผิวหนังเทียม (ผิวหนังเทียม) นักวิจัยจาก ETH Zurich University ได้พัฒนาวิธีการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้จุลินทรีย์ที่มีชีวิตในการผลิตนาโนฟิลเตอร์ 

สามารถใช้กรองสารพิษ ในอุตสาหกรรม เส้นใยนาโนโลสในออสเตรเลียเริ่มต้นจากของเสียจากอุตสาหกรรมและทางการเกษตรเพื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต้องการสาขาใหม่ของการศึกษาชีววิทยาสังเคราะห์โดยไม่ต้องตัดไม้ได้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

9. การวินิจฉัยทดสอบยา

ในปี 2558 สวทช. ได้รายงานเกี่ยวกับวิธีการเติบโตกลุ่มของเซลล์สมองที่เรียกว่า Brain Organoid ขนาดเท่ายางลบดินสอ เข้าไปในสมองของทารกในครรภ์อายุ 5 สัปดาห์ และมันส่งกระแสประสาทจริง ๆ ดังนั้นจึงใช้เป็นแบบจำลองในการทดลองต่าง ๆ การแก้ปัญหาทางจริยธรรมของการทดสอบยาของมนุษย์โดยตรง ไม่ใช่แค่สมอง มีอวัยวะอื่น ๆ 

และศึกษาปฏิสัมพันธ์ของเซลล์กับสารออกฤทธิ์ ความก้าวหน้าครั้งสำคัญได้เกิดขึ้นจากระบบเพื่อเป็นเวทีในการเชื่อมต่อออร์แกเนลล์กับอวัยวะต่างๆ รวมกันผ่านระบบของเหลวจนได้ผลลัพธ์ที่มีลักษณะเป็นร่างเทียมเล็กๆ หรือ “ตัวจำลอง” ที่สามารถนำไปใช้ในการทดสอบยาได้

จุดเด่นของระบบนี้คือสามารถปรับให้เข้ากับผู้ป่วยแต่ละราย จึงเป็นยาเฉพาะบุคคล “เครื่องจำลองการทดสอบยา” เหล่านี้ซึ่งรู้จักกันในชื่อการวินิจฉัยร่วมกลุ่มหรือ “เครื่องจำลองการทดสอบยา” จะทำให้การทดสอบยาเพาะเลี้ยงเซลล์แต่ละเซลล์ล้าสมัย เพราะสามารถเลียนแบบการตอบสนองของร่างกายที่แท้จริงได้เซลล์ รวมทั้งสารที่ทำลายกระบวนการเผาผลาญในตับ เป็นต้น

10. วัคซีนมะเร็งเฉพาะบุคคล

การรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีและเคมีบำบัดเป็นการรักษาทั่วไปไม่เฉพาะเจาะจงในแต่ละคน ดังนั้น แต่ละคนจึงตอบสนองต่อยาหรือการฉายรังสีต่างกัน และอาจเป็นมะเร็งได้อีก ดังนั้น วิทยาศาสตร์การแพทย์จึงพยายามสร้างวัคซีนหรือยารักษามะเร็งเฉพาะบุคคลโดยเริ่มจากเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งของผู้ป่วย แล้ว “อ่านรหัส DNA” แล้วเปรียบเทียบรหัสแทนตำแหน่ง 

เพื่อว่าหากมีตำแหน่งใดเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์โปรตีน แล้วใช้ซอฟต์แวร์ชีวสารสนเทศเพื่อกำหนดลำดับความสำคัญของส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำวัคซีนชนิดพิเศษ เรียกว่า วัคซีน neoantigen ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง RNA หรือ DNA

เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงหรือวิวัฒนาการตามกาลเวลา กระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้นสัมพันธ์กับกระบวนการวิวัฒนาการของระบบหรืออุปกรณ์นั้น ดังนั้น คำว่า วิวัฒนาการของเทคโนโลยี หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบหรืออุปกรณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะที่ซับซ้อนและเป็นไปตามลำดับอันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ ในประเทศไทยมีกลุ่มวิจัยที่ศึกษาวัคซีนมะเร็งบางชนิด เช่น Neoantigen และ Cancer Vaccine Group จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นพ.วิโรจน์ ศรีอุลาพงศ์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะได้ศึกษาวัคซีนในผู้ป่วย 25 ราย ปัจจุบันเขาอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ควรใช้สำหรับการทดลองในผู้ป่วย หากได้ผล จะเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ในการรักษามะเร็งที่ไม่จำเป็นต้องตายเสมอไป

เทคโนโลยี

เทคโนโลยีโลกอนาคตที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้ดีขึ้น

เทคโนโลยี คือ ความรู้ เครื่องมือ ความคิด หลักการ วิธีการ ความรู้ วิธีการ กระบวนการและงานทางวิทยาศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ และวิธีการที่ควรใช้ในระบบธุรกิจเพื่อช่วยปรับปรุงงาน เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงาน

10 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้ดีขึ้น

เทคโนโลยี โลกอนาคต การเปลี่ยนแปลง ความเจริญ ความก้าวหน้า นวัตกรรม การพัฒนา ประสิทธิภาพ กำไร เทรนด์เทคโนโลยีแห่งอนาคต เทคโนโลยี โลกอนาคต การเปลี่ยนแปลง ความเจริญ ความก้าวหน้า นวัตกรรม การพัฒนา ประสิทธิภาพ กำไร หากเราพูดถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นและสิ่งที่เป็นอยู่ ต้องบอกว่าอาจจะไม่ไกลจากเราอีกต่อไปแล้ว เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเราด้วย

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใดๆ ก็ได้เพิ่มเข้าไปในพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ด้วย เพราะมนุษย์ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น มนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

1. เครือข่ายมือถือ 5G/6G (เครือข่ายมือถือ 5G/6G)

เครือข่าย 4G ปัจจุบันสามารถบรรลุอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดประมาณ 50 เท่าของ 3G และอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดสำหรับ 5G จะสูงกว่า 4G ถึง 20 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถใช้เมื่อขับด้วยความเร็ว 500 กม./ชม. แต่ละภูมิภาคสามารถส่งข้อมูลได้มากกว่า 100 เท่า 

ดังนั้น 5G จะเป็นแพลตฟอร์ม (แพลตฟอร์ม) ที่เชื่อมต่อเทคโนโลยีอื่นๆ ร่วมกับ AI, Big Data, Cloud และ IoT เป็นต้น ระบบรถไร้คนขับสามารถรองรับบริการรูปแบบใหม่ได้ เช่น การขายโดยใช้ AR/VR สามารถช่วยเชื่อมโยงยานพาหนะเข้ากับระบบควบคุมการจราจร รวมถึงบริการให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ทางไกล หรือสั่งงานทางไกลผ่านอินเตอร์เน็ต

2. การคำนวณควอนตัมและวิศวกรรม

เทคโนโลยีควอนตัมจะมีบทบาทในการสร้างภาพในจินตนาการของเรา ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้หลายพันเท่า พวกเขาสามารถถอดรหัส DNA ที่มีความยาวหลายพันล้านครั้ง จำลองเพื่อค้นหายาตัวใหม่ 

ซึ่งนำไปใช้กับผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำสามารถใช้สำหรับการวินิจฉัย

โรคในยาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นเวลาหลายวัน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาอุปกรณ์ไฮเทคอื่นๆ เช่น ชิปสำหรับนาฬิกาอะตอม ซึ่งใช้ในการคำนวณเวลาสากลอย่างแม่นยำ จนถึงระดับนาโนวินาที (นาโนวินาที) รองรับการซื้อขายในระบบธนาคารหรือคำสั่งซื้อในตลาดหุ้นที่มีปริมาณการสั่งซื้อสูงสุด 100 ล้านคำสั่งต่อวินาที

3. AI ในอนาคต

ระบบปัญญาประดิษฐ์ของ Future หรือ Future Artificial Intelligence จะเป็นหัวใจหรือสมองของระบบ รวมทั้งเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องหรือการเรียนรู้ของเครื่องด้วยโครงข่ายประสาทเทียมที่เรียกว่า Deep Neural Network ซึ่งออกแบบมาให้คล้ายกับโครงข่ายประสาทในสมองของมนุษย์ ความสามารถ AI ขั้นสูง 

การสร้างเครือข่ายไซเบอร์กายภาพ (Cyber-Physical Network) ที่ส่งข้อมูลระหว่างอินเทอร์เน็ตและโลกกายภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รถยนต์ไร้คนขับ AI จัดการการขับขี่ในไม่กี่วินาทีด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัย แต่อาจทำให้คนขับหลายคนตกงานได้ คาดว่าภายในปี 2030 AI จะทำให้เกิดการสูญเสียงาน 400-800 ล้านตำแหน่ง และสร้างงานใหม่จำนวนเท่ากัน แต่ในสาขาที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

4. การเดินทางแบบไร้รอยต่อ

Mobility-as-a-Service หรือ แมส (Maas) คือการพัฒนาอย่างแพร่หลายของเทคโนโลยีนี้ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการเรียกรถรายใหญ่สองรายคือ Uber ของสหรัฐอเมริกาและ DiDi ของจีน ข้อมูลปี 2017 แสดงให้เห็นว่า Tee Tee มีมูลค่าประมาณ 56 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Uber มีมูลค่ามากกว่า 

62 พันล้านดอลลาร์ ที่น่าสนใจคือ Tee Tee เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีนนับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการ Uber ในปี 2559 วันนี้นอกจากจะพาผู้โดยสารไปส่งยังปลายทางแล้ว บริการเดลิเวอรี่อย่าง Grab Food และ Lineman ยังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยอีกด้วย สถาบันวิจัย BIS คาดการณ์ว่าตลาดมวลชนจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ ปัจจัยสำคัญคือความสามารถในการสร้างแพลตฟอร์มบริการยานพาหนะและให้บริการตามความต้องการ รวมถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เหมาะสม

5. เซลล์แสงอาทิตย์ Perovskite

เซลล์แสงอาทิตย์ Perovskite มีโครงสร้างผลึกคล้ายกับแคลเซียมไททาเนียมออกไซด์ (CaTiO3) หรือ perovskite มันดูดซับแสงและเปลี่ยนแสงแดดให้เป็นไฟฟ้า ต้องพิมพ์บนแผ่นฟิล์มหรือบนพื้นผิวต่างๆ ต้นทุนการผลิตต่ำ คือ 30-50% ของเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดซิลิคอน ตลาดเซลล์แสงอาทิตย์คาดว่าจะ

เติบโตเป็น 140 พันล้านดอลลาร์ในอีก 5-6 ปีข้างหน้า  และด้วยข้อดีของเซลล์ประเภทนี้ที่เบาและไม่เป็นอันตราย สำหรับประเทศไทย นักวิจัย สวทช. ยังได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เคลือบกันน้ำและสะท้อนความร้อน พัฒนากระบวนการเคลือบฟิล์มบางเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียรของเซลล์ในปัจจุบัน

6. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนยุคหน้า

ในปี 2018 มูลค่าตลาดของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อยู่ที่ 36 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด แม้ว่าจะไม่ใช่แบตเตอรี่ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ก็มีแบตเตอรี่ที่น่าสนใจมากมาย

  • ความจุสองเท่าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่เชื่อถือได้มากขึ้น
  • แบตเตอรี่ลิเธียม-กำมะถัน (Lithium-sulfur) คนหันเข้าหากัน เนื่องจากความจุพลังงานสูงกว่าลิเธียมไอออน 2-4 เท่า แต่ราคาถูกกว่า
  • แบตเตอรีลิเธียมแอร์ (Lithium-Air) มีความจุพลังงานมากกว่า 10-100 เท่า

ทั้งนี้ เอ็มเทคได้ทำการวิจัยวัสดุใหม่ที่ สวทช. และการออกแบบการขึ้นรูปเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและลิเธียมอากาศแบบโซลิดสเตตโดยเน้นที่ประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งานและลดต้นทุน

7. โครงกระดูกภายนอก

เทคโนโลยีที่ให้พลังแก่ผู้คน ยังป้องกันการบาดเจ็บบางส่วนของร่างกายโดยใช้โครงกระดูกภายนอกเพื่อปฏิบัติงานต่าง ๆ ใช้งานทางการทหาร กู้ภัย อุปกรณ์ฝึกหัด และเสริมสมรรถภาพของนักกีฬา และในทางยาช่วยเร่งกระบวนการบำบัดร่างกายของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้พิการหรือผู้สูงอายุโดยทั่วไปได้

ตัวอย่างที่มีอยู่แล้วในการใช้งานจริง

  • Esko Bionics EskoVest ที่โรงงานประกอบรถยนต์ Ford ทั่วโลก
  • Noonee เป็นเก้าอี้แบบไม่มีที่นั่ง สามารถติดกับเอว ขา และที่นั่งของผู้ใช้ได้ ใช้ชิ้นส่วนมากกว่า 350 ชิ้น

8. เส้นใยจุลินทรีย์อเนกประสงค์

มีจุลินทรีย์หลายชนิดที่สามารถผลิตเซลลูโลสได้ อย่างไรก็ตาม เซลลูโลสนั้นทำความสะอาดได้ง่ายกว่า แข็งแรงกว่า ปั้นง่ายกว่า และกักเก็บน้ำไว้ได้ดีกว่า ซึ่งต่างจากเซลลูโลสของพืชตรงที่ต่างจากเซลลูโลสของพืช ตัวอย่างของจุลินทรีย์ที่ผลิตเซลลูโลส ได้แก่ อะซีโตแบคเตอร์และอะโกรแบคทีเรีย จุลินทรีย์เหล่านี้

สามารถใช้เซลลูโลสได้หลายวิธี ทั้งในฐานะผู้เริ่มต้นอาหาร เช่น การเติมโปรตีนลงในวุ้นมะพร้าว เต้าหู้ ไอศกรีม หรือธุรกิจการเกษตร ในทางการแพทย์ แมนนิทอลสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ หลังจากทำหลายขั้นตอน จะกลายเป็นไบโอฟิล์มสำหรับทำแผล หรือผิวหนังเทียม (ผิวหนังเทียม) นักวิจัยจาก ETH Zurich University ได้พัฒนาวิธีการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้จุลินทรีย์ที่มีชีวิตในการผลิตนาโนฟิลเตอร์

สามารถใช้เซลลูโลสได้หลายวิธี ทั้งในฐานะผู้เริ่มต้นอาหาร เช่น การเติมโปรตีนลงในวุ้นมะพร้าว เต้าหู้ ไอศกรีม หรือธุรกิจการเกษตร ในทางการแพทย์ แมนนิทอลสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ หลังจากทำหลายขั้นตอน จะกลายเป็นไบโอฟิล์มสำหรับทำแผล หรือผิวหนังเทียม (ผิวหนังเทียม) นักวิจัยจาก ETH Zurich University ได้พัฒนาวิธีการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้จุลินทรีย์ที่มีชีวิตในการผลิตนาโนฟิลเตอร์ 

9. การวินิจฉัยทดสอบยา

ในปี 2558 สวทช. ได้รายงานเกี่ยวกับวิธีการเติบโตกลุ่มของเซลล์สมองที่เรียกว่า Brain Organoid ขนาดเท่ายางลบดินสอ เข้าไปในสมองของทารกในครรภ์อายุ 5 สัปดาห์ และมันส่งกระแสประสาทจริง ๆ ดังนั้นจึงใช้เป็นแบบจำลองในการทดลองต่าง ๆ การแก้ปัญหาทางจริยธรรมของการทดสอบยาของมนุษย์

โดยตรง ไม่ใช่แค่สมอง มีอวัยวะอื่น ๆ  และศึกษาปฏิสัมพันธ์ของเซลล์กับสารออกฤทธิ์ ความก้าวหน้าครั้งสำคัญได้เกิดขึ้นจากระบบเพื่อเป็นเวทีในการเชื่อมต่อออร์แกเนลล์กับอวัยวะต่างๆ รวมกันผ่านระบบของเหลวจนได้ผลลัพธ์ที่มีลักษณะเป็นร่างเทียมเล็กๆ หรือ “ตัวจำลอง” ที่สามารถนำไปใช้ในการทดสอบยาได้

จุดเด่นของระบบนี้คือสามารถปรับให้เข้ากับผู้ป่วยแต่ละราย จึงเป็นยาเฉพาะบุคคล “เครื่องจำลองการทดสอบยา” เหล่านี้ซึ่งรู้จักกันในชื่อการวินิจฉัยร่วมกลุ่มหรือ “เครื่องจำลองการทดสอบยา” จะทำให้การทดสอบยาเพาะเลี้ยงเซลล์แต่ละเซลล์ล้าสมัย เพราะสามารถเลียนแบบการตอบสนองของร่างกายที่แท้จริงได้เซลล์ รวมทั้งสารที่ทำลายกระบวนการเผาผลาญในตับ เป็นต้น

10. วัคซีนมะเร็งเฉพาะบุคคล

การรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีและเคมีบำบัดเป็นการรักษาทั่วไปไม่เฉพาะเจาะจงในแต่ละคน ดังนั้น แต่ละคนจึงตอบสนองต่อยาหรือการฉายรังสีต่างกัน และอาจเป็นมะเร็งได้อีก ดังนั้น วิทยาศาสตร์การแพทย์จึงพยายามสร้างวัคซีนหรือยารักษามะเร็งเฉพาะบุคคลโดยเริ่มจากเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งของผู้ป่วย

แล้ว “อ่านรหัส DNA” แล้วเปรียบเทียบรหัสแทนตำแหน่ง เพื่อว่าหากมีตำแหน่งใดเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์โปรตีน แล้วใช้ซอฟต์แวร์ชีวสารสนเทศเพื่อกำหนดลำดับความสำคัญของส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำวัคซีนชนิดพิเศษ เรียกว่า วัคซีน neoantigen ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง RNA หรือ DNA

เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงหรือวิวัฒนาการตามกาลเวลา กระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้นสัมพันธ์กับกระบวนการวิวัฒนาการของระบบหรืออุปกรณ์นั้น ดังนั้น คำว่า วิวัฒนาการของเทคโนโลยี หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบหรืออุปกรณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะที่ซับซ้อนและเป็นไปตามลำดับอันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ ในประเทศไทยมีกลุ่มวิจัยที่ศึกษาวัคซีนมะเร็งบางชนิด เช่น Neoantigen 

และ Cancer Vaccine Group จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นพ.วิโรจน์ ศรีอุลาพงศ์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะได้ศึกษาวัคซีนในผู้ป่วย 25 ราย ปัจจุบันเขาอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ควรใช้สำหรับการทดลองในผู้ป่วย หากได้ผล จะเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ในการรักษามะเร็งที่ไม่จำเป็นต้องตายเสมอไป

เทคโนโลยี

เทคโนโลยีโลกอนาคตที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้ดีขึ้น

เทคโนโลยี คือ ความรู้ เครื่องมือ ความคิด หลักการ วิธีการ ความรู้ วิธีการ กระบวนการและงานทางวิทยาศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ และวิธีการที่ควรใช้ในระบบธุรกิจเพื่อช่วยปรับปรุงงาน เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงาน

10 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้ดีขึ้น

เทคโนโลยี โลกอนาคต การเปลี่ยนแปลง ความเจริญ ความก้าวหน้า นวัตกรรม การพัฒนา ประสิทธิภาพ กำไร เทรนด์เทคโนโลยีแห่งอนาคต เทคโนโลยี โลกอนาคต การเปลี่ยนแปลง ความเจริญ ความก้าวหน้า นวัตกรรม การพัฒนา ประสิทธิภาพ กำไร หากเราพูดถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นและสิ่งที่เป็นอยู่ ต้องบอกว่าอาจจะไม่ไกลจากเราอีกต่อไปแล้ว เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเราด้วย

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใดๆ ก็ได้เพิ่มเข้าไปในพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ด้วย เพราะมนุษย์ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น มนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

1. เครือข่ายมือถือ 5G/6G (เครือข่ายมือถือ 5G/6G)

เครือข่าย 4G ปัจจุบันสามารถบรรลุอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดประมาณ 50 เท่าของ 3G และอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดสำหรับ 5G จะสูงกว่า 4G ถึง 20 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถใช้เมื่อขับด้วยความเร็ว 500 กม./ชม. แต่ละภูมิภาคสามารถส่งข้อมูลได้มากกว่า 100 เท่า 

ดังนั้น 5G จะเป็นแพลตฟอร์ม (แพลตฟอร์ม) ที่เชื่อมต่อเทคโนโลยีอื่นๆ ร่วมกับ AI, Big Data, Cloud และ IoT เป็นต้น ระบบรถไร้คนขับสามารถรองรับบริการรูปแบบใหม่ได้ เช่น การขายโดยใช้ AR/VR สามารถช่วยเชื่อมโยงยานพาหนะเข้ากับระบบควบคุมการจราจร รวมถึงบริการให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ทางไกล หรือสั่งงานทางไกลผ่านอินเตอร์เน็ต

2. การคำนวณควอนตัมและวิศวกรรม

เทคโนโลยีควอนตัมจะมีบทบาทในการสร้างภาพในจินตนาการของเรา ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้หลายพันเท่า พวกเขาสามารถถอดรหัส DNA ที่มีความยาวหลายพันล้านครั้ง จำลองเพื่อค้นหายาตัวใหม่ 

ซึ่งนำไปใช้กับผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำสามารถใช้สำหรับการวินิจฉัยโรคในยาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นเวลาหลายวัน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาอุปกรณ์ไฮเทคอื่นๆ เช่น ชิปสำหรับนาฬิกาอะตอม 

ซึ่งใช้ในการคำนวณเวลาสากลอย่างแม่นยำ จนถึงระดับนาโนวินาที (นาโนวินาที) รองรับการซื้อขายในระบบธนาคารหรือคำสั่งซื้อในตลาดหุ้นที่มีปริมาณการสั่งซื้อสูงสุด 100 ล้านคำสั่งต่อวินาที

3. AI ในอนาคต

ระบบปัญญาประดิษฐ์ของ Future หรือ Future Artificial Intelligence จะเป็นหัวใจหรือสมองของระบบ รวมทั้งเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องหรือการเรียนรู้ของเครื่องด้ยโครงข่ายประสาทเทียมที่เรียกว่า Deep Neural Network 

ซึ่งออกแบบมาให้คล้ายกับโครงข่ายประสาทในสมองของมนุษย์ ความสามารถ AI ขั้นสูง การสร้างเครือข่ายไซเบอร์กายภาพ (Cyber-Physical Network) ที่ส่งข้อมูลระหว่างอินเทอร์เน็ตและโลกกายภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

เช่น รถยนต์ไร้คนขับ AI จัดการการขับขี่ในไม่กี่วินาทีด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัย แต่อาจทำให้คนขับหลายคนตกงานได้ คาดว่าภายในปี 2030 AI จะทำให้เกิดการสูญเสียงาน 400-800 ล้านตำแหน่ง และสร้างงานใหม่จำนวนเท่ากัน แต่ในสาขาที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

4. การเดินทางแบบไร้รอยต่อ

Mobility-as-a-Service หรือ แมส (Maas) คือการพัฒนาอย่างแพร่หลายของเทคโนโลยีนี้ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการเรียกรถรายใหญ่สองรายคือ Uber ของสหรัฐอเมริกาและ DiDi ของจีน ข้อมูลปี 2017 แสดงให้เห็นว่า Tee Tee มีมูลค่าประมาณ 56 พันล้านดอลลาร์ 

ในขณะที่ Uber มีมูลค่ามากกว่า 62 พันล้านดอลลาร์ ที่น่าสนใจคือ Tee Tee เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีนนับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการ Uber ในปี 2559 วันนี้นอกจากจะพาผู้โดยสารไปส่งยังปลายทางแล้ว บริการเดลิเวอรี่อย่าง Grab Food และ Lineman ยังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยอีกด้วย 

สถาบันวิจัย BIS คาดการณ์ว่าตลาดมวลชนจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ ปัจจัยสำคัญคือความสามารถในการสร้างแพลตฟอร์มบริการยานพาหนะและให้บริการตามความต้องการ รวมถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เหมาะสม

5. เซลล์แสงอาทิตย์ Perovskite

เซลล์แสงอาทิตย์ Perovskite มีโครงสร้างผลึกคล้ายกับแคลเซียมไททาเนียมออกไซด์ (CaTiO3) หรือ perovskite มันดูดซับแสงและเปลี่ยนแสงแดดให้เป็นไฟฟ้า ต้องพิมพ์บนแผ่นฟิล์มหรือบนพื้นผิวต่างๆ ต้นทุนการผลิตต่ำ คือ 30-50% ของเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดซิลิคอน 

ตลาดเซลล์แสงอาทิตย์คาดว่าจะเติบโตเป็น 140 พันล้านดอลลาร์ในอีก 5-6 ปีข้างหน้า  และด้วยข้อดีของเซลล์ประเภทนี้ที่เบาและไม่เป็นอันตราย สำหรับประเทศไทย นักวิจัย สวทช. ยังได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เคลือบกันน้ำและสะท้อนความร้อน พัฒนากระบวนการเคลือบฟิล์มบางเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียรของเซลล์ในปัจจุบัน

6. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนยุคหน้า

ในปี 2018 มูลค่าตลาดของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อยู่ที่ 36 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด แม้ว่าจะไม่ใช่แบตเตอรี่ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ก็มีแบตเตอรี่ที่น่าสนใจมากมาย

  • ความจุสองเท่าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่เชื่อถือได้มากขึ้น
  • แบตเตอรี่ลิเธียม-กำมะถัน (Lithium-sulfur) คนหันเข้าหากัน เนื่องจากความจุพลังงานสูงกว่าลิเธียมไอออน 2-4 เท่า แต่ราคาถูกกว่า
  • แบตเตอรีลิเธียมแอร์ (Lithium-Air) มีความจุพลังงานมากกว่า 10-100 เท่า

ทั้งนี้ เอ็มเทคได้ทำการวิจัยวัสดุใหม่ที่ สวทช. และการออกแบบการขึ้นรูปเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและลิเธียมอากาศแบบโซลิดสเตตโดยเน้นที่ประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งานและลดต้นทุน

7. โครงกระดูกภายนอก

เทคโนโลยีที่ให้พลังแก่ผู้คน ยังป้องกันการบาดเจ็บบางส่วนของร่างกายโดยใช้โครงกระดูกภายนอกเพื่อปฏิบัติงานต่าง ๆ ใช้งานทางการทหาร กู้ภัย อุปกรณ์ฝึกหัด และเสริมสมรรถภาพของนักกีฬา และในทางยาช่วยเร่งกระบวนการบำบัดร่างกายของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้พิการหรือผู้สูงอายุโดยทั่วไปได้

ตัวอย่างที่มีอยู่แล้วในการใช้งานจริง

  • Esko Bionics EskoVest ที่โรงงานประกอบรถยนต์ Ford ทั่วโลก
  • Noonee เป็นเก้าอี้แบบไม่มีที่นั่ง สามารถติดกับเอว ขา และที่นั่งของผู้ใช้ได้ ใช้ชิ้นส่วนมากกว่า 350 ชิ้น

8. เส้นใยจุลินทรีย์อเนกประสงค์

มีจุลินทรีย์หลายชนิดที่สามารถผลิตเซลลูโลสได้ อย่างไรก็ตาม เซลลูโลสนั้นทำความสะอาดได้ง่ายกว่า แข็งแรงกว่า ปั้นง่ายกว่า และกักเก็บน้ำไว้ได้ดีกว่า ซึ่งต่างจากเซลลูโลสของพืชตรงที่ต่างจากเซลลูโลสของพืช 

ตัวอย่างของจุลินทรีย์ที่ผลิตเซลลูโลส ได้แก่ อะซีโตแบคเตอร์และอะโกรแบคทีเรีย จุลินทรีย์เหล่านี้ สามารถใช้เซลลูโลสได้หลายวิธี ทั้งในฐานะผู้เริ่มต้นอาหาร เช่น การเติมโปรตีนลงในวุ้นมะพร้าว เต้าหู้ ไอศกรีม หรือธุรกิจการเกษตร ในทางการแพทย์ แมนนิทอลสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ 

หลังจากทำหลายขั้นตอน จะกลายเป็นไบโอฟิล์มสำหรับทำแผล หรือผิวหนังเทียม (ผิวหนังเทียม) นักวิจัยจาก ETH Zurich University ได้พัฒนาวิธีการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้จุลินทรีย์ที่มีชีวิตในการผลิตนาโนฟิลเตอร์ สามารถใช้เซลลูโลสได้หลายวิธี ทั้งในฐานะผู้เริ่มต้นอาหาร เช่น การเติมโปรตีนลงในวุ้นมะพร้าว เต้าหู้ ไอศกรีม หรือธุรกิจการเกษตร ในทางการแพทย์ แมนนิทอลสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ 

หลังจากทำหลายขั้นตอน จะกลายเป็นไบโอฟิล์มสำหรับทำแผล หรือผิวหนังเทียม (ผิวหนังเทียม) นักวิจัยจาก ETH Zurich University ได้พัฒนาวิธีการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้จุลินทรีย์ที่มีชีวิตในการผลิตนาโนฟิลเตอร์ 

9. การวินิจฉัยทดสอบยา

ในปี 2558 สวทช. ได้รายงานเกี่ยวกับวิธีการเติบโตกลุ่มของเซลล์สมองที่เรียกว่า Brain Organoid ขนาดเท่ายางลบดินสอ เข้าไปในสมองของทารกในครรภ์อายุ 5 สัปดาห์ และมันส่งกระแสประสาทจริง ๆ ดังนั้นจึงใช้เป็นแบบจำลองในการทดลองต่าง ๆ 

การแก้ปัญหาทางจริยธรรมของการทดสอบยาของมนุษย์โดยตรง ไม่ใช่แค่สมอง มีอวัยวะอื่น ๆ  และศึกษาปฏิสัมพันธ์ของเซลล์กับสารออกฤทธิ์ ความก้าวหน้าครั้งสำคัญได้เกิดขึ้นจากระบบเพื่อเป็นเวทีในการเชื่อมต่อออร์แกเนลล์กับอวัยวะต่างๆ 

รวมกันผ่านระบบของเหลวจนได้ผลลัพธ์ที่มีลักษณะเป็นร่างเทียมเล็กๆ หรือ “ตัวจำลอง” ที่สามารถนำไปใช้ในการทดสอบยาได้ จุดเด่นของระบบนี้คือสามารถปรับให้เข้ากับผู้ป่วยแต่ละราย จึงเป็นยาเฉพาะบุคคล “เครื่องจำลองการทดสอบยา” เหล่านี้ซึ่งรู้จักกันในชื่อการวินิจฉัยร่วมกลุ่มหรือ “เครื่องจำลองการทดสอบยา” 

จะทำให้การทดสอบยาเพาะเลี้ยงเซลล์แต่ละเซลล์ล้าสมัย เพราะสามารถเลียนแบบการตอบสนองของร่างกายที่แท้จริงได้เซลล์ รวมทั้งสารที่ทำลายกระบวนการเผาผลาญในตับ เป็นต้น

10. วัคซีนมะเร็งเฉพาะบุคคล

การรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีและเคมีบำบัดเป็นการรักษาทั่วไปไม่เฉพาะเจาะจงในแต่ละคน ดังนั้น แต่ละคนจึงตอบสนองต่อยาหรือการฉายรังสีต่างกัน และอาจเป็นมะเร็งได้อีก 

ดังนั้น วิทยาศาสตร์การแพทย์จึงพยายามสร้างวัคซีนหรือยารักษามะเร็งเฉพาะบุคคลโดยเริ่มจากเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งของผู้ป่วย แล้ว “อ่านรหัส DNA” แล้วเปรียบเทียบรหัสแทนตำแหน่ง เพื่อว่าหากมีตำแหน่งใดเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์โปรตีน 

แล้วใช้ซอฟต์แวร์ชีวสารสนเทศเพื่อกำหนดลำดับความสำคัญของส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำวัคซีนชนิดพิเศษ เรียกว่า วัคซีน neoantigen ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง RNA หรือ DNA

เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงหรือวิวัฒนาการตามกาลเวลา กระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้นสัมพันธ์กับกระบวนการวิวัฒนาการของระบบหรืออุปกรณ์นั้น ดังนั้น คำว่า วิวัฒนาการของเทคโนโลยี หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบหรืออุปกรณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะที่ซับซ้อนและเป็นไปตามลำดับอันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ ในประเทศไทยมีกลุ่มวิจัยที่ศึกษาวัคซีนมะเร็งบางชนิด 

เช่น Neoantigen และ Cancer Vaccine Group จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นพ.วิโรจน์ ศรีอุลาพงศ์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะได้ศึกษาวัคซีนในผู้ป่วย 25 ราย ปัจจุบันเขาอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ควรใช้สำหรับการทดลองในผู้ป่วย หากได้ผล จะเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ในการรักษามะเร็งที่ไม่จำเป็นต้องตายเสมอไป